หนึ่งเดือนผ่านไปในกรุงโรม

รีวิวและอัพเดตชีวิตหลังจากที่มาแลกเปลี่ยนอยู่กรุงโรมได้หนึ่งเดือนแล้ว ช่วงแรกสุดเลยที่มาถึง ทั้งประเทศอิตาลีเป็นโซนสีแดง ล็อคดาวน์ทั้งประเทศ ห้ามออกจากบ้านโดยที่ไม่มีเหตุจำเป็น ผ่านไปประมาณสัปดาห์นึงก็อัพเกรดเป็นโซนสีส้ม ออกจากบ้านได้แต่ออกนอกเมืองไม่ได้ กับสถานที่ท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ต่างๆปิด ร้านอาหารก็ให้ห่อกลับไปกินบ้านได้อย่างเดียว และล่าสุดตอนปลายเดือนที่แล้วก็อัพเกรดอีกรอบ กลายเป็นโซนสีเหลืองเกือบทั้งประเทศ ก็คือเดินทางข้ามประเทศไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ได้แล้ว ร้านอาหารเปิดให้นั่งกินด้านนอกร้านได้ สถานที่ท่องเที่ยวเปิด พิพิธภัณฑ์เปิด โรงหนังโรงละครเปิด จำนวนคนที่ได้รับวัคซีนรายวันก็น่าจะประมาณครึ่งล้านคนได้ ทุกวันนี้ชีวิตแทบจะกลับมาเป็นแบบปกติแล้ว แค่ทุกคนยังใส่แมสก์กันเกือบตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอกอยู่ กับยังมีข้อห้ามนิดหน่อยเช่นในร้านอาหารห้ามนั่งเกินสี่คนต่อโต๊ะ ห้ามยืนจับกลุ่มสุมหัวกันเยอะๆในที่สาธารณะหลังหกโมงเย็น แล้วก็มีเคอร์ฟิวตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีห้า อะไรอย่างงี้ (แต่ว่าถ้าไปเดินแถวย่านที่เที่ยวกลางคืนของนักเรียนนี่ทุกคนแทบจะไม่สนใจกฏอะไรแล้ว ยืนจับกลุ่มยืนคุย ดื่มเบียร์ดื่มไวน์อะไรกันยันสี่ทุ่มกว่าไม่แคร์โลกเลย แต่ก็ไม่มีใครมาจับนะ แต่ตามที่สาธารณะในใจกลางเมืองจะมีตำรวจกับทหารเดินตรวจเยอะอยู่ ถ้าใครเริ่มยืนจับกลุ่มกันใหญ่ๆนานๆ เค้าจะมาเตือน กับถ้าใครไม่ใส่แมสก์ บางทีก็อาจจะโดนเตือนเหมือนกัน)

แน่นอนหลังจากที่เรามาถึงกรุงโรมก็คือออกไปเที่ยวรัวๆเท่าที่จะทำได้ 55 แต่บางทีก็จะมีช่วงที่อากาศหนาว ฝนตกปรอยๆติดกันหลายๆวัน ก็จะอยู่บ้านเรียนออนไลน์กับทำธุระต่างๆไป เราโชคดีอยู่ตรงที่ได้มาเรียนในเทอมที่สอนออนไลน์หมด แถมยังอัดคลิปไว้ให้นักเรียนดูย้อนหลังได้ด้วย ทำให้เราจะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีเวลาบังคับ แต่ข้อเสียคือมีอยู่วิชานึงที่จนถึงตอนนี้ ทั้งเทอมที่ผ่านมาเราเพิ่งเข้าเรียนไปแค่คาบเดียวเอง แหะๆ คือต้องมีวินัยมากด้วยถึงจะบังคับตัวเองให้เรียนตามให้ทันเรื่อยๆได้ เดือนที่ผ่านมาเรามีกิจกรรมอะไรเยอะมาก ว่าจะเรียนๆย้อนหลังวิชานี้แต่ไม่ได้เริ่มซักที แต่ตั้งแต่ตอนนี้จะโฟกัสกับการเรียนจริงๆจังๆซักทีละ (ขอให้ทำได้จริงเถอะ สาธุ) ในส่วนของการเรียนในมหาลัยที่นี่ เรารีวิวไว้หน่อยนึงแล้วในโพสต์นี้ petchpetals.wordpress.com/2021/04/17/เดินทางถึงอิตาลี-ตรวจโ/ วันนี้จะมาเพิ่มเรื่องการสอบ คือถ้าเป็นที่เยอรมันจะจัดสอบแค่ครั้งเดียวตอนหลังจบเทอม วัดความรู้ที่เรียนมาตลอดทั้งเทอมทีเดียวไปเลย (บางคณะอาจจะไม่เป็นแบบนี้นะ แต่จากประสบการณ์ในคณะวิศวะ ทุกวิชาเลยจะมีสอบแค่ครั้งเดียวตอนจบเทอม) ส่วนที่อิตาลีนี้ ระหว่างเทอมจะมีจัดสอบสองครั้ง เค้าเรียกว่า Midterm กับ Final ซึ่ง Midterm ก็จะครอบคลุมเนื้อหาครึ่งแรกของเทอม ส่วน Final จะครอบคลุมเนื้อหาครึ่งหลังของเทอม นอกจากนี้ก็ยังจะมีการจัดสอบอีกสองครั้งในช่วงปิดเทอมอีกทีให้เลือกเอาได้ว่าอยากจะสอบครั้งไหน ซึ่งข้อสอบตอนช่วงปิดเทอมนี้จะมีเนื้อหาครอบคลุมทั้งเทอมนั้นเลย ข้อสอบทั้งสามอันนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมการสอบครั้งไหน เงื่อนไขคือต้องทดสอบความรู้ให้ได้ครบทั้งสองพาร์ทของทั้งเทอมนั้น หมายความว่าสมมติว่าตอนระหว่างเทอม เราเข้าสอบทั้ง Midterm กับ Final ก็หมายความว่าเราทดสอบความรู้ของทั้งสองพาร์ทแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าสอบช่วงปิดเทอมแล้ว หรือถ้าระหว่างเทอมเราเข้าสอบแค่ข้อสอบ Midterm ไม่ได้สอบ Final เราก็จำเป็นต้องเข้าสอบช่วงปิดเทอม แต่ว่าจำเป็นต้องทำแค่พาร์ทสองเท่านั้น พาร์ทแรกไม่ต้องทำ อะไรอย่างนี้

วิชาที่เรามาเรียนที่นี่มีสามวิชา คือ “Big Data Analytics”, “Internet of Things” กับคอร์สภาษาอิตาเลียน ซึ่งสามวิชานี้มีหน่วยกิตรวมกันได้เป็น 15 หน่วยกิต ซึ่งเป็นหน่วยกิตขั้นต่ำที่เค้าบังคับให้สอบให้ผ่านเพื่อที่จะให้ได้เงินทุนของโครงการแลกเปลี่ยนมาใช้ ถ้าสุดท้าย สอบผ่านไม่ครบ 15 หน่วย ก็จะต้องจ่ายทุนคืนเป็นอัตราส่วนตามจำนวนหน่วยกิตที่ขาดไป อันนี้เราตั้งใจเลือกเรียนให้น้อยที่สุดเลยจะได้มีเวลาว่างเยอะ 555 ในส่วนของวิชา Big Data Analytics จะแบ่งเป็นสองพาร์ท พาร์ทแรกจะสอนเขียนโปรแกรมภาษา Python แล้วก็จะมีการบ้านให้เขียนโปรแกรมส่งห้าครั้ง แล้วพอจบพาร์ทก็จะให้เขียนโปรแกรมที่หกส่ง เก็บคะแนนจากทุกการบ้านมารวมกันเป็นคะแนน Midterm ส่วนพาร์ทที่สองจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ Machine learning กับ Data analytics ซึ่งก็มีการบ้านเขียนโปรแกรมภาษา Python ให้ทำส่งเก็บเป็นคะแนนเหมือนกัน ตอนเรียนพาร์ทแรกคนสอนพูดภาษาอังกฤษดีมาก แต่ตอนพาร์ทสองเป็นอีกคนสอน พูดอังกฤษไม่คล่องเท่าไหร่ ทำให้เวลาสอนสดพูดช้ามาก เราเลยไม่เข้าเรียนสด รอดูวิดีโอย้อนหลังแล้วกดเพิ่ม speed เป็นสองเท่าแทน จะกลายเป็นความเร็วคนพูดปกติ 555 วิชานี้เราตั้งใจจะพยายามเรียนตามให้ทันทุกคาบ จะได้สอบไฟนอลให้จบตั้งแต่ตอนจบเทอมตอนปลายเดือนพฤษภาคมไปเลย ไม่ต้องไปรอสอบตอนช่วงปิดเทอมอีกที ส่วนวิชา Internet of Things ก็จะแบ่งเป็นพาร์ทๆเหมือนกัน เราเพิ่งเข้าเรียนคาบแรกที่เป็นคาบแนะนำวิชาคาบเดียว 5555 เค้าบอกว่าช่วงแรกจะมีสอนใช้ภาษา C++ ด้วย แต่เนื้อหาหลังจากนั้นเป็นไงบ้างไม่รู้ ต้องไปเรียนตามหลังก่อน ไว้แลกเปลี่ยนเสร็จแล้วเดี๋ยวจะกลับมารีวิวย้อนหลังละกัน แหะๆ

ในส่วนของคอร์สภาษาอิตาเลียน ตอนช่วงแรกๆปัญหาเยอะมากเพราะมหาลัยไม่บอกซักทีว่าจะจัดสอนเมื่อไหร่ยังไง ในกรุ๊ปแชทของนักเรียนแลกเปลี่ยนมีคนพิมพ์ถามแทบทุกวันว่ามีข่าวบ้างรึยัง สุดท้ายก็สรุปออกมาว่าคนที่เรียนคอร์สระดับต้นๆ เช่น A1 กับ A2 จะไม่มีการเรียนสดแบบตัวต่อตัวกับครู แต่จะมีวิดีโอที่อัดเอาไว้แล้ว กับไฟล์ต่างๆให้โหลดไปอ่านและเรียนเอง เป็นงั้นไป ตอนรู้ตอนแรกก็แอบเซ็งๆ แต่จริงๆมันก็ดีตรงที่เราจะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ ก็ต้องมีวินัยมากๆอีกเช่นเคย ซึ่ง ณ จุดนี้ ดองคอร์สภาษาไว้เป็นอาทิตย์ๆแล้วเหมือนกัน ฮือ ในส่วนของการสอบคอร์สภาษานี้ ในหน้าของวิชามันจะมีส่วนที่เป็นข้อสอบไฟนอลออนไลน์ให้กดเข้าไปทำได้ ซึ่งเราจะกดเข้าไปทำเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าทำเสร็จแล้วก็คือจบคอร์สเลย แล้วก็อาจจะมีสอบพูดด้วยก็ได้แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด

ในส่วนของชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่มีอะไรหวือหวา หลักๆก็เหมือนเด็กมหาลัยในอีกหลายๆที่ในช่วงโควิด ตื่นนอนอาบน้ำ เรียนออนไลน์ เล่นเน็ตต่างๆนานา คุยกับแฟลตเมตบ้างนิดหน่อย ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้านมาใส่ตู้เย็นเก็บไว้ทำกับข้าว กับข้าวก็ทำกินเองอยู่บ้าน ที่เพิ่มเติมมาจากนี้ก็คือช่วงไหนว่างๆ นั่งรถเมหรือรถไฟใต้ดินจากบ้านออกไปนิดเดียวก็เป็นสถานที่สำคัญๆระดับโลกของกรุงโรมแล้ว อารมณ์เหมือนกับเรียนหนังสืออยู่บ้านปกติ แล้วเปิดประตูไปไหนก็ได้ของโดเรมอนไปถึงโคลอสเซียม ไปมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์อะไรอย่างงี้เลย เดือนที่ผ่านมาเราซื้อตั๋วรถสาธารณะแบบรายเดือน ราคา 35 ยูโร ใช้ขึ้นรถเมกับรถไฟใต้ดินได้กี่ครั้งก็ได้ตลอดทั้งเดือน แต่ว่าคิดว่าเดือนนี้จะไม่ซื้อแล้วเพราะรู้สึกไม่คุ้ม เพราะว่าที่นี่ตั๋วรถเมกับรถไฟปกติราคาแค่ 1.5 ยูโร (ซึ่งถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับค่าตั๋วรถสาธารณะที่เยอรมนี) ซึ่งก็แปลว่าต้องขึ้นรถสาธารณะอย่างน้อย 24 ครั้งในเดือนนั้นถึงจะคุ้มค่าตั๋วรายเดือน แต่รู้สึกว่าเดือนที่ผ่านมาเรานั่งไม่ถึง เพราะว่าก็ไม่ได้ออกเที่ยวทุกวัน แถมสถานที่หลายๆแห่งก็เดินถึงกันได้ ไม่ต้องนั่งรถ ช่วงแรกๆ วันไหนที่อากาศดีก็จะออกไปเที่ยวทั้งวัน ซึ่งเราก็ได้โพสต์รูปในโพสต์ก่อนหน้านี้เยอะแยะมากมาย (แต่เราโพสต์เป็นภาษาอังกฤษเพราะว่ามีคนต่างชาติในเว็บบอร์ดอันนึงรีเควสต์มาว่าอยากเห็นภาพของกรุงโรมในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยว) อาหารก็ซื้อจากภัตตาคารมากินซะหลายมื้อเลย อยากลองเมนูต่างๆไปซะหมด ชีวิตดีมาก แต่ซักพักเริ่มตระหนักว่าใช้เงินไปเยอะมาก แล้วก็เริ่มเบื่อาหารอิตาเลียนด้วย กินเมนูซ้ำๆมาหลายรอบแล้ว 555 เลยเริ่มกลับไปเน้นทำกินเอง โชคดีที่แถวบ้านมีร้านขายของเอเชียเลยซื้อวัตถุดิบต่างๆมาทำอาหารไทยได้บ้าง บางทีแฟลตเมทก็มีการนัดกันโทรสั่งอาหารมากินด้วยกันที่บ้านบ้าง แล้วถ้าเป็นวันเกิดใคร คนนั้นก็จะทำอาหารให้ทุกคนกินกันด้วย ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองวันเกิด วันเกิดต่อไปคือวันเกิดเราตอนสิ้นเดือนนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยจะทำอะไรให้เค้ากิน อาหารของแต่ละคนคืออลังการ แต่ฝีมือทำอาหารของเรายังงูๆปลาๆมาก 555 กลัวขายหน้าจัง 5555

นอกจากนี้ ในเมื่อมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ก็คงจะไม่พูดถึงประสบการณ์การทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ ตอนช่วง welcome days ตอนก่อนเปิดเทอมก็จะมีกิจกรรมพูดคุยทำความรู้จักกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆกันผ่าน Zoom แล้วก็กิจกรรมอื่นๆอีกสองสามอย่างที่เราเล่าไปในโพสต์นี้ petchpetals.wordpress.com/2021/03/20/เริ่มต้นชีวิตนักเรียนแ/ ตอนที่เราเดินทางมาถึงกรุงโรม ไม่มีมีกิจกรรมอะไรเพราะว่าในเมืองเป็นโซนสีแดงอยู่ พอปลายเดือนที่แล้วเค้าเปลี่ยนเป็นโซนสีเหลืองแล้วถึงเริ่มจัดกิจกรรมสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนได้อีกครั้งนึง เดี๋ยวไว้มาเล่าให้ฟังในโพสต์หน้าว่ามีอะไรบ้าง

Leave a comment