ในโพสต์ที่แล้วเราเล่าเรื่องเทอมที่เพิ่งจบไปให้ฟังไปแล้ว เดี๋ยวโพสต์นี้จะมาอัพเดตชีวิตหลังจากนั้นต่อ เทอมที่ผ่านมาเราก็ลงเรียนไปหลายวิชามาก ไม่ใช่แค่เลคเชอร์ แต่ยังมีแล็บต่างๆที่ต้องส่งงานมากมาย แบ่งเวลากันหัวหมุนมาก หมายถึงเวลาเรียนหนังสือกับเวลาทำตัวขี้เกียจอะ 5555 แล็บหลายอย่างก็ผ่านไปด้วยดี บางอันก็หวุดหวิดมีต้องแก้ตอนสุดท้ายก่อนจะผ่าน ส่วนสอบ จริงๆตอนแรกวางแผนว่าจะสอบหกวิชา แต่ไปๆมาๆถอนไปสองวิชา กับถอนแล็บไปตัวนึง เพราะช่วงสอบตารางอ่านตารางเรียนต่างๆมันอัดมาก เตรียมตัวไม่ทัน ยอมรับว่าระหว่างเทอมก็แอบขี้เกียจด้วย แต่ว่าที่ถอนไปก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงมาก เพราะยังไงก็เหลืออีกเทอมนึงให้ตามสอบย้อนหลังอยู่แล้ว ซึ่งเทอมหน้านี้เราก็จะไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า Sapienza ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่เราสามารถเอาหน่วยกิตที่เก็บได้จากการสอบที่นี่ไปใส่แทนหน่วยกิตจากมหาลัยต้นทางที่เยอรมันได้
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเราย้ายบ้านไปอยู่บ้านหลังใหม่ในเมืองเดิม เพราะว่าสัญญาเช่าบ้านหลังเก่าหมดอายุ แต่บ้านใหม่นี้ก็คืออยู่แค่เดือนเดียว เพราะเดี๋ยวเดือนหน้าก็จะย้ายไปอิตาลีแล้ว แล้วประเด็นคือบ้านใหม่นี้เนี่ยอินเตอร์เน็ตกากมากๆ ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตอะไรมาก แต่พอดีช่วงนี้มหาลัยจัดสอบแบบออนไลน์เพราะมีโควิด และการสอบออนไลน์ครั้งแรกที่บ้านหลังใหม่นี้ก็คือพัง! เพราะเค้าให้เราเปิดกล้องถ่ายเราตลอดการสอบ แต่ว่าเพราะเน็ตมันกาก ภาพเลยขาดๆหายๆ เดี๋ยวค้างบ้าง เดี๋ยวเน็ตหายบ้าง คนคุมสอบต้องบอกให้เราไปแก้ปัญหาระหว่างสอบถึงสามรอบ ซึ่งเค้าก็ดีที่เพิ่มเวลาสอบให้เราเป็นกรณีพิเศษ แต่ว่าพอมันมีปัญหาระหว่างสอบถึงสามรอบแบบนี้นี่สติสตังเลยกระเจิดกระเจิงไปเลย สอบครั้งนี้ก็คือพังพินาศ ToT แต่คิดว่าไม่น่าจะตก แค่ได้เกรดแย่เฉยๆ แต่ก็นั่นแหละ ระหว่างสอบผ่านครั้งนี้แต่ได้เกรดแย่ กับสอบตกครั้งนี้แล้วไปสอบใหม่เทอมหน้าแบบเกรดดีกว่าเดิม ก็ไม่รู้อย่างไหนจะดีกว่ากันนะ 555 เห้อเศร้า ตอนนี้เหลือสอบอีกหนึ่งวิชาซึ่งก็จะเป็นแบบออนไลน์เหมือนกัน ต้องหาที่นั่งสอบใหม่ละ จะพังอีกวิชาไม่ได้ = =”
มาเล่าเรื่องของการไปแลกเปลี่ยนดีกว่า โครงการที่เราไปชื่อโครงการ Erasmus (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Erasmus+ แล้วแต่ขอพิมพ์ว่า Erasmus เฉยๆละกัน) ซึ่งเป็นโครงการที่นักเรียนสามารถไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยในประเทศอื่นๆในยุโรปได้เป็นเวลาหนึ่งถึงสองเทอมโดยที่ไม่ต้องเสียค่าเทอมเลย (ค่าเทอมของมหาลัยต้นทางก็ไม่ต้องเสีย) แล้วก็เอาหน่วยกิตที่สอบผ่านระหว่างแลกเปลี่ยนมานับรวมกับหน่วยกิตของมหาลัยต้นทางได้ด้วย ทำให้ไม่เสียเวลาเรียนไปฟรีๆ (แต่อันนี้แล้วแต่วิชา ถ้าเป็นระดับป.โทจะง่ายกว่า แต่ถ้าเป็นระดับป.ตรีจะไม่ค่อยมีวิชาที่เค้าให้เอาหน่วยกิตมาใช้ได้ หรือไม่ก็ต้องทำเรื่องขอยุ่งยาก) แถมยังมีเงินช่วยค่ากินอยู่ให้ด้วย ไม่ได้เยอะมากแต่ว่าก็พอโปะค่าเช่าบ้านได้อยู่ แค่นี้ก็ผ่อนคลายภาระไปได้เยอะแล้ว มหาลัยใหญ่ๆในยุโรปจะเข้าร่วมโครงการนี้เยอะมาก (ไม่แน่ใจว่ามีทุกมหาลัยเลยรึเปล่า) แต่ละคณะของแต่ละมหาลัยก็จะมีรายชื่อมหาลัยต่างชาติที่นักเรียนของคณะนั้นสามารถไปแลกเปลี่ยนได้ต่างๆกันไปแล้วแต่ว่าคณะนั้นของมหาลัยนั้นไปทำข้อตกลงกับมหาลัยต่างชาติแห่งไหนไว้บ้าง บางมหาลัยต่างชาติก็รับนักเรียนแค่สองสามคน บางมหาลัยก็รับเป็นสิบคน แล้วแต่ว่าทางระหว่างมหาลัยนั้นเค้าตกลงกันไว้ว่ายังไง บางมหาลัยคนก็แย่งกันสมัคร บางมหาลัยก็ไม่ค่อยมีคนสมัคร แต่จำนวนนักเรียนที่เค้ารับเข้าโครงการนี้โดยรวมแล้วมีเยอะมากๆ คือใครสมัครก็มีโอกาสได้แน่นอน แค่ว่าจะได้มหาลัยหรือประเทศที่เราเลือกไว้ที่อันดับหนึ่งรึเปล่า (ตอนสมัครสามารถเลือกมหาลัยปลายทางได้สามอันดับ) ยกเว้นแต่ว่าจะเลือกแต่มหาลัยที่คนแย่งกันเยอะๆหมดเลย ถึงจะมีโอกาสไม่ได้
ส่วนตัวเราโชคดีได้มหาลัยอันดับหนึ่งที่สมัครไปเลย ก็คือมหาลัย Sapienza ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี พอเรารู้ผลการสมัครแล้ว ก็จะมีขั้นตอนที่ต้องทำหลังจากนั้นอีกหลายๆอย่าง เช่นต้องกรอกใบสมัครออนไลน์ของมหาลัยในต่างประเทศโดยตรง ต้องเซ็นชื่อในใบสัญญาการรับทุน และที่สำคัญและใช้เวลามากก็คือการกรอกใบสัญญาที่มีชื่อว่า Learning Agreement ซึ่งในใบนี้เราจะต้องกรอกรายชื่อวิชาที่เราตั้งใจจะไปลงเรียนที่มหาลัยในต่างประเทศ แล้วในบางกรณีอาจจะต้องกรอกชื่อวิชาของมหาลัยต้นทางที่มีเนื้อหาคล้ายกับวิชาที่เราจะไปลงเรียนที่มหาลัยในต่างประเทศที่เราอยากจะเอาหน่วยกิตมาแทนที่กันด้วย ซึ่งก่อนที่จะกรอกใบนี้ได้เราก็ต้องไปศึกษาข้อมูลทางฝั่งของมหาลัยปลายทางก่อนว่าแต่ละเทอมเปิดสอนวิชาอะไรบ้าง มีหน่วยกิตเท่าไหร่ สอนเป็นภาษาอะไร รายละเอียดเป็นยังไง มีวิชาไหนน่าสนใจบ้าง ฯลฯ แล้วพอกรอกเสร็จก็ต้องส่งใบสัญญานี้ไปให้หน่วยงานต่างๆของมหาลัยทั้งต้นทางปลายทางเซ็นอีก (แต่ขั้นตอนเหล่านี้อาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่มหาลัย) ขั้นตอนนี้สำคัญเพราะว่าพอเราไปถึงมหาลัยปลายทางแล้ว เราสามารถลงเรียนได้แค่วิชาที่เรากรอกชื่อไปเท่านั้น เค้าเลยจะแนะนำให้เรากรอกลงไปให้มากที่สุดที่จะทำได้ เพื่อว่าสมมติว่าพอไปเริ่มเรียนแล้วมีเหตุที่ทำให้เรียนวิชาบางวิชาไม่ได้ เราจะได้ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ไม่งั้นถ้าอยากจะเพิ่มวิชาทีหลังตอนที่ไปเริ่มเรียนที่มหาลัยปลายทางแล้ว เราต้องกรอกใบสัญญาอันนี้แล้วก็ส่งไปให้หน่วยงานนั้นนี้เซ็นใหม่ เสียเวลาไปอีก ในส่วนของหน่วยกิตที่ต้องเก็บระหว่างที่ไปแลกเปลี่ยนนั้นเค้ากำหนดให้ขั้นต่ำเป็น 15 หน่วยกิต ก็ตีเป็นสามวิชาโดยประมาณ ซึ่งก็สบายๆ ปกติแล้วคนที่ยุโรปนี่จะรู้กันดีว่าคนที่ไปแลกเปลี่ยนโครงการ Erasmus นั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เน้นไปเรียนกันหรอก เน้นไปปาร์ตี้ ไปเที่ยวกันมากกว่าอยู่แล้ว 5555
ถึงเน็ตที่บ้านใหม่จะกากแต่ว่าตึกรามบ้านช่องแถบนี้สวยมากๆ สวยสุดในเมืองเลยก็ว่าได้
ระหว่างที่กรอกใบสมัคร กรอกใบสัญญาต่างๆนานา เราก็จะทยอยๆได้อีเมลล์จากทั้งมหาลัยของเรา และมหาลัยในต่างประเทศมาเรื่อยๆเพื่อแจ้งข่าวและกำหนดการต่างๆ พอส่งเอกสารทุกอย่างแล้ว ได้รับการยืนยันแล้ว ก็รอเดินทางได้เลย ขั้นตอนสำคัญต่อไปก็จะเป็นการหาที่อยู่ในต่างประเทศแล้ว ในขั้นตอนนี้บางมหาลัยก็จะช่วยจัดการให้ บางมหาลัยก็ไม่ ส่วนมหาลัยเรามีหอนักเรียนสองสามแห่งให้ แต่ว่าทำเลไม่ค่อยดี อันที่ทำเลดีก็แพง ไม่ก็เป็นหอหญิงล้วน ไม่ก็ต้องอยู่ยาว เราเลยลองหาที่อยู่เอาเอง จริงๆมันจะมีเว็บอยู่สองสามเว็บที่เค้ารวบรวมห้องเช่าในเมืองต่างๆสำหรับนักเรียนต่างชาติไว้และมีบริการคอยดูแลเรื่องสัญญาเช่ากับเรื่องการจ่ายเงินอะไรอย่างนี้ให้เราด้วย เช่นเว็บ https://www.spotahome.com/ กับเว็บ https://www.uniplaces.com/ แต่เว็บพวกนี้จะเก็บค่าบริการแพงมาก คือประมาณ 170 ยูโร หรือประมาณหกพันกว่าบาท เราเลยลองไปหาในกรุ๊ปต่างๆในเฟสบุ๊คดูก่อน บางกรุ๊ปเราลองโพสต์ดูด้วย ซึ่งก็มีคนตอบกลับมาล้นหลามมาก แต่คุยไปคุยมา ปรากฏว่าเป็นมิจฉาชีพเกือบหมดเลย – -” คือส่งรูปไม่ก็ส่งวิดีโอปลอมๆของตัวห้องมาให้ดูแล้วก็ให้เราโอนค่าเงินมัดจำแพงๆเป็นค่าจองห้องไปให้ ซึ่งเราก็จะตรวจสอบโดยการขอโทรวิดีโอแชทกับคนที่อาศัยอยู่ในห้องนั้นอยู่ตอนนี้ พอเจออย่างนี้คนที่เป็นมิจฉาชีพก็จะบ่ายเบี่ยง ไม่ก็จะเงียบหายไป จนตอนหลังเราก็ลองกดไปดูใน Marketplace ใน Facebook แล้วก็ไล่พิมพ์แชทไปหาคนที่ประกาศให้เช่าห้องที่เราสนใจเอาเองเลย จนสุดท้ายเราก็ได้ห้องมาจากวิธีการนี้แหละ ก็คือโทรวิดีโอแชทกับคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์นั้นตอนนั้น ขอดูห้องดูอพาร์ตเมนท์ว่าหน้าตาเหมือนในรูปกับวิดีโอที่คนประกาศให้เช่าส่งมาให้ดูมั้ย แล้วก็ขอดูวิวจากอพาร์ตเมนท์ว่าเหมือนกับวิวใน Google Street View ด้วยมั้ย แล้วก็ถามตอบต่างๆแบบสดๆผ่านทางวิดีโอแชทเรียบร้อย แต่ทีนี้พอตอบตกลงแล้วเค้าก็ขอให้เราโอนเงินค่าจองไปก่อนเป็นจำนวน 100 ยูโรหรือประมาณ 3600 บาท ซึ่งนี่ก็โอนไปนะ 555 จริงๆแอบกลัวว่าจะโดนหลอกเหมือนกัน แต่ว่าถึงขนาดโทรคุยวิดีโอแชทสดๆขนาดนี้แล้ว แถมให้เบอร์คนอื่นๆที่อาศัยอยู่ที่นั่นตอนนี้มาด้วยแล้ว ถ้าจะโกงกันได้แนบเนียนขนาดนี้ก็เอาเงินไปเถอะ 555 แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น จะไปดูห้องด้วยตัวเองก็ไม่ได้ ปกติแล้วคนที่ไปแลกเปลี่ยนเค้าจะไปอยู่โฮสเตลช่วงสัปดาห์แรกๆแล้วก็ใช้ช่วงเวลาระหว่างนั้นตะลอนไปหาดูที่พักระยะยาวด้วยตัวเองกัน ก่อนจะตัดสินใจเช่า แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ด้วยโควิดด้วย ก็เลยต้องเสี่ยงดวงเบาๆอย่างนี้ดู สรุปว่าจะโดนหลอกมั้ย แล้วตัวอพาร์ทเมนต์จริงๆจะถูกใจเรามั้ย ต้องมาติดตามดูในอนาคตต่อไปกัน
ช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนเปิดเทอม มหาลัยจะจัดกิจกรรมรับน้องสำหรับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีจัดอยู่ แต่เพราะมีโควิด ก็เลยเป็นกิจกรรมแบบออนไลน์แทน ก็คือมีการฟังอธิการบดีพูดต้อนรับผ่าน Zoom แล้วก็จะมีพิธีต้อนรับของแต่ละคณะแยกกันไปต่างหากด้วย ซึ่งก็จะมีการอธิบายเรื่องสำคัญต่างๆเกี่ยวกับการเรียนการสอน การเข้าเรียน การลงทะเบียนสอบ การหาตารางเรียน ฯลฯ อะไรพวกนี้ด้วย แล้วนอกจากนั้น สำหรับมหาลัยเรา ในอาทิตย์แรกจะมีกิจกรรมออนไลน์ที่จัดโดยนักเรียนกันเองอีกสองกิจกรรม กิจกรรมแรกคือการทำความรู้จักกันผ่าน Zoom ซึ่งก็จะมีการแบ่งเป็นห้องเล็กๆให้แต่ละคนทำความรู้จักกับคุยจิปาถะต่างๆ แล้วก็สลับห้องกันไปเรื่อยๆ โดยที่แต่ละห้องก็จะมีนักเรียนของมหาลัยเจ้าภาพประจำอยู่ให้ถามนู่นถามนี่ได้ แล้วอีกกิจกรรมหนึ่งก็คือการสอนทำอาหารแบบ Live ทาง Instagram โดยที่นักเรียนของมหาลัยเจ้าภาพเป็นคนสอน ซึ่งเมนูที่เค้าสอนในวันนั้นก็คือสปาเกตตี้คาร์โบนาร่า (เอาจริงๆคือเป็นเมนูที่เบสิกมาก ทำง่ายมาก แอบคิดในใจว่าคนที่มาจากยุโรปน่าจะทำเป็นกันหมดอยู่แล้วมั้ย 5555) นอกจากนั้นก็มีกิจกรรมที่จัดแบบออกมาเจอกันจริงๆจังๆเหมือนกัน เช่นกิจกรรมออกกำลังกายร่วมกัน แล้วก็กิจกรรมพาทัวร์เมืองกับกิจกรรมพาไปกินอาหารร้านดังที่จัดกันทุกอาทิตย์เลย เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ แต่มีจำนวนที่จำกัด ต้องจองล่วงหน้า เพราะว่ามีจำนวนคนเยอะๆไม่ได้เพราะโควิด แล้วก็ต้องใส่หน้ากากด้วย แล้วก็จะมีกรุ๊ปใน Facebook แล้วก็กรุ๊ปแชทต่างๆใน Whatsapp ซึ่งก็มีกรุ๊ปหลักของนักเรียนแลกเปลี่ยนทุกคน แล้วก็มีกรุ๊ปแชทย่อยแยกไปตามคณะด้วย แล้วใน Instagram ของหน่วยงานที่จัดการต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยนของโครงการ Erasmus ของมหาลัยนี้ก็จะคอยอัพรูปจากกิจกรรม แล้วก็อัพเดตข่าวสารกิจกรรมต่างๆผ่านทางโพสต์กับทางสตอรี่ไอจีเป็นระยะๆ เห็นทีไรแล้วคันไม้คันมือ อยากไปร่วมมากๆ ใจจะขาดแล้ว แต่ว่าตอนนี้เรายังไปไม่ได้ ยังอยู่ที่เยอรมันอยู่เพราะจะรอสอบให้เสร็จทุกวิชาก่อน T.T
หลังจากกิจกรรมรับน้องแบบออนไลน์จบไปประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ มหาลัยก็เปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ซึ่งเทอมนี้การเรียนการสอนก็จะมีทั้งแบบเรียนสดและแบบถ่ายทอดสดออนไลน์ผ่าน Zoom หรือโปรแกรมอะไรก็แล้วแต่ที่แต่ละภาควิชาจะจัดการกันเอง (แอบงงๆ… มากๆ) ที่มหาลัยนี้จะมีเว็บ E-learning ของมหาลัย ซึ่งตามปกติจะเป็นเว็บที่อาจารย์จะใช้อัพโหลดเอกสารการเรียนการสอนและแจ้งข่าวต่างๆ เป็นที่ให้นักเรียนอัพโหลดการบ้าน และยังมีเว็บบอร์ดให้นักเรียนตั้งกระทู้ถามเรื่องเกี่ยวกับวิชานั้นๆได้ด้วย (ที่มหาลัยในเยอรมันก็มีเว็บแบบนี้) พอช่วงนี้มีเรียนออนไลน์ บางวิชาก็จะอัดวิดีโอจากการสอนสดมาอัพโหลดลงในนี้ให้นักเรียนสามารถดูเลคเชอร์ย้อนหลังได้ ส่วนใครที่อยากเรียนสด เค้าก็จะมีการแบ่งเป็นอาทิตย์ๆ อาทิตย์นี้คนที่เลขประจำตัวนักเรียนลงท้ายด้วยเลขนี้ๆมีสิทธิ์ลงทะเบียนขอไปเรียนสดได้ อะไรอย่างนี้ แต่ว่าก็ไม่ได้สามารถไปได้ทุกคน คนที่มีสิทธิ์ก็ต้องลงทะเบียนก่อนถึงไปเรียนสดได้ ถ้าลงทะเบียนช้า ที่เต็มก่อน ก็อดไป
การเรียนที่ประเทศอิตาลีนี้ แต่ละคาบจะสอนกันยาวๆสองสามชั่วโมงไปเลยจุกๆ แต่ว่าปกติแล้วอาจารย์ผู้สอนจะมีพักครึ่งประมาณสิบห้านาทีระหว่างสอนให้ด้วย แล้วประเพณีอย่างหนึ่งของประเทศนี้คือเค้าจะไม่เริ่มเรียนตรงเวลาเป๊ะๆ แต่จะเลทไปสิบห้านาที ก็คือสมมติว่าถ้าตารางสอนบอกว่าวิชานี้เริ่มเรียนสิบโมงตรง กว่าอาจารย์จะเริ่มสอนจริงๆก็ตอนสิบโมงสิบห้านาที
จนถึงตอนนี้ นับตั้งแต่เปิดเทอมมาก็ผ่านมาประมาณสามสัปดาห์ละ ตอนนี้เรายังอยู่ที่เยอรมันอยู่เพราะว่าอยากจะสอบอีกวิชาให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปอิตาลี กะว่าอดใจรอไว้ก่อน เดี๋ยวจะไปร่วมกิจกรรมกับเค้าตอนเดือนเมษาให้เต็มที่เลย ปรากฏว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อ่านข่าวว่าบอกว่ากรุงโรมจะปิดเมืองล็อคดาวน์อีกครั้งจนถึงต้นเดือนเมษาแล้วค่อยดูสถานการณ์อีกที นี่นั่งเหม่อเลย จะยังไงต่อล่ะนี่ ถ้าเค้าเลื่อนล็อคดาวน์ออกไปอีก จากที่ตั้งใจจะไปเที่ยวไปร่วมกิจกรรมให้เต็มที่ ก็จะกลายเป็นต้องไปล็อคดาวน์อยู่บ้านตลอดทั้งวันทั้งคืนล่ะสิทีนี้ เห้อ เศร้า ไม่ได้กลัวไวรัสหรอกนะ กลัวไม่ได้ออกไปเที่ยวมากกว่า 555 จริงๆจุดนี้นักเรียนแลกเปลี่ยนหลายๆคนคือเตรียมบินกลับบ้านเกิดกันแล้ว เพราะว่าหลายๆคนก็เป็นคนยุโรปอยู่แล้วและคิดว่าถ้ามาแลกเปลี่ยนแต่ทำได้แค่อยู่บ้านอย่างเดียวก็ขอกลับประเทศดีกว่า แต่สำหรับเรา จุดนี้คือถอยกลับไม่ได้แล้ว บ้านที่เยอรมันก็ไม่มีแล้ว ยกเลิกสัญญาไปหมดแล้ว บ้านที่อิตาลีก็อุตส่าห์หาได้แล้วแถมจ่ายค่าจองไปแล้วอีก แถมการได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ Erasmus นี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราอยากทำมานานมากแล้วด้วย ในเมื่อมาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ต้องไปต่อให้สุด ถึงจะเลื่อนล็อคดาวน์ไปอีกยาวๆ อย่างน้อยก็คิดซะว่าเปลี่ยนที่ล็อคดาวน์จากเยอรมันเป็นอิตาลีแทน อย่างน้อยก็คงได้ซึมซับบรรยากาศอะไรบ้างแหละ 555 แต่ยังไงก็ขอให้ล็อคดาวน์จบเร็วๆเถอะ ขอให้ได้เที่ยวอะไรบ้าง และที่สุดเลยคือขอให้โควิดจบเร็วๆเทอะ ฉีดวัคซีนกันให้เสร็จเร็วๆ โลกเราจะได้เดินหน้าต่อกันได้ซักที เอาล่ะรู้สึกว่าโพสต์นี้เริ่มยาวละ เดี๋ยวจบแค่นี้ก่อน ไว้พบกันใหม่ในโพสต์หน้า ซึ่งอาจจะเป็นโพสต์ที่เขียนจากอิตาลีแล้วก็ได้ เฮ่!