สรุปความในใจหลังสอบเทอมแรกเสร็จ

วิวข้างทางจากบนรถบัส

#พิมพ์ระหว่างอยู่บนรถบัสจาก Karlsruhe ไป Berlin (8 เม.ย. 2559)

เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนกว่าเลยโนะหลังจากที่อัพโพสต์ที่แล้วไป ตั้งแต่มาเริ่มอัพบล็อกหลังจากมาถึงเยอรมันรู้สึกว่ายังไม่เคยหายไปนานเกินหนึ่งเดือนเลย หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้เป็นช่วงเวลาที่ถ้าให้บรรยายเป็นภาษาเยอรมันคงต้องใช้คำว่า anstrengend สุดๆ แปลเป็นไทยก็ประมาณ เหนื่อยยาก ทรหดสุดๆ เพราะว่าต้องเตรียมตัวสอบจบเทอม ไม่รู้ว่ามหาลัยที่ไทยเป็นไง แต่ว่าที่นี่แต่ละวิชาเค้าเรียนๆๆๆ แล้วจัดสอบแค่ครั้งเดียวตอนจบเทอม ออกข้อสอบมาห้าหกข้อ ให้เวลา 1.5-2 ชั่วโมง คะแนนเต็ม 100 คะแนน ตัดเกรดจากตรงนั้นอย่างเดียวเลย โชคดีที่ที่นี่เค้าจัดสอบในช่วงปิดเทอม เลยทำให้เรามีเวลาทบทวนเนื้อหา เตรียมตัวสอบอีกรอบ ถ้าเป็นแบบเรียนจบแล้วสอบ ปิดเทอมเลย เหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกครั้งชีวิตอาจจะจบสิ้น เพราะส่วนตัวแล้ว ถ้ายังไม่ถึงช่วงใกล้สอบ จะไม่มีแรงบันดาลใจสำหรับอ่านหนังสือเลย 555 ช่วงเตรียมตัวสอบที่ผ่านมานี้พูดตรงๆว่าเป็นช่วงที่ได้ความรู้แทบจะมากกว่าหนึ่งเทอมที่ผ่านมาทั้งเทอมอีก 55 เป็นช่วงที่ปิดเทอมแล้ว ไม่ต้องไปมหาลัยแล้ว แต่กลับใช้เวลาอ่านหนังสือมากที่สุด แถมยังอยู่แต่บ้านเกือบทั้งวันทั้งคืน บางวันก็ไม่ได้ออกจากบ้านเลย แทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน อีกนิดเดียวจะกลายเป็นโรคฮิคิโคโมริละ 555 แต่จากการอ่านหนังสือเตรียมสอบมาราธอนในครั้งนี้ก็ทำให้ได้บรรลุถึงสัจจะธรรมว่า ถ้าอยากจะทำข้อสอบให้ได้ดีก็ต้องอ่านเยอะๆ ฝึกทำโจทย์เยอะๆ แค่นั้นแหละ ไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ วิชาที่กลัวข้อสอบมากๆ เข้าไปเรียนทีไรก็ได้แต่นั่งเอ๋อ ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่รู้เรื่องว่ากำลังเรียนเกี่ยวกับอะไรอยู่เลยอย่าง Digitaltechnik พอลองได้มาจับหนังสือ ตั้งใจเปิดอ่าน ตั้งใจทำโจทย์จริงๆ ไปๆมาๆแล้วกลับกลายไปเป็นวิชาที่เราชอบที่สุด และรู้สึกว่าทำได้ดีที่สุด ส่วนวิชาที่รู้สึกว่าเรียนรู้เรื่องมาตลอดอย่าง Technische Mechanik กลับกลายไปเป็นวิชาที่รู้สึกว่าทำได้แย่ที่สุดซะงั้น 55 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะแอบประมาทด้วยแหละ มีเวลาเตรียมตัวก่อนสอบน้อยกว่าวิชาอื่นๆด้วย ข้อสอบเก่าก็มีมาให้จำนวนน้อยกว่าวิชาอื่น ส่วนอีกสองวิชาทีเหลืออย่าง Höhe Mathematik กับ Lineare Elektronische Netze ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะข้อสอบเก่าที่มีมาให้หลายปีมาก การทำโจทย์สำคัญจริงๆ

short note ที่จดไว้เอาเข้าห้องสอบ วิชานี้เค้าให้จดอะไรเข้าไปก็ได้ไม่เกินหนึ่งแผ่น A4 เรานึกว่าคนอื่นจะอัดทุกอย่างที่จดได้ นี่ก็เลยอัดไปไม่น้อยหน้าเหมือนกัน แต่ปรากฏว่าคนอื่นเค้าก็จดแค่อะไรสำคัญๆจริงๆเท่านั้น ไม่ได้บ้าจดแบบนี้ บอกตรงๆว่าไม่กล้าหยิบออกมาให้คนอื่นเห็น 5555 แต่ถามว่าระหว่างสอบได้ใช้มั้ย แทบไม่ได้ใช้เลย ยกเว้นไม่กี่ข้อที่ถามนิยาม ที่ลอกๆจาก short note มาตอบได้ ก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่นะ

และแล้วก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ สำหรับภาคเรียนที่หนึ่งใน Karlsruhe Institute of Technology ของเรา สำหรับช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้น ก็ต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์เปลี่ยนจากตอนที่กำลังเรียน Studienkolleg อยู่ไปมากเลย เพราะว่าการเรียนในมหาลัยจริงจังและกินเวลาและพลังชีวิตไปเยอะกว่ามาก ตอนอยู่ Kolleg เรียนถึงแค่ครึ่งวันก็เลิกแล้ว ถึงเนื้อหาบางส่วนจะยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีเวลาลั้นลาเยอะมาก ตื่นเช้าไปเรียน เลิกเที่ยง กินข้าว กลับบ้านไปก็เที่ยวเล่น ไปเจอเพื่อน ทำนู่นทำนี่ แถมวันหยุดก็มีเยอะ 55 พอมาอยู่มหาลัยแล้วเวลาว่างหายเรียบ ไหนจะต้องจัดการวางตารางสอน ตารางคาบติวของตัวเอง ไหนจะมีการบ้าน มีงานกลุ่มอะไรอีก เนื้อหาที่เรียนก็ยากและเยอะขึ้น ถ้าเกิดใครไปลงเรียนอย่างอื่นนอกหลักสูตร เช่นคอร์สเรียนภาษา คอร์สเรียนกีฬา คอร์สฝึกทักษะเพิ่มเติมนู่นนี่นั่น ก็ต้องแบ่งเวลาไปทุ่มเท่ให้ส่วนนั้นอีก ต้องฝึกทักษะการจัดสรรเวลาและความรับผิดชอบของตัวเองเยอะมาก (ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังมีไม่มากพอ 555) ดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้ปิดเทอมว่างๆจริงๆซักที… แต่สำหรับในส่วนของช่วงเวลาว่างระหว่างปิดเทอมของเรานั้น… จากสองเดือนเต็ม ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 10 วัน!!! 555 นี่แหละชีวิตนักเรียนป.ตรีในเยอรมัน แต่ถึงจะเหนื่อยยังไงก็มีความสุขนะเพราะว่าได้ทำตามความฝันของเรา (อ้วกมะ) เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเรียนยากจัง ฟังครูสอนไม่รู้เรื่อง พอเดินเรื่อยเปื่อยแล้วลองมองไปรอบตัว เห็นอะไรต่างๆนานารอบๆข้างแล้วก็จะฉุกคิดขึ้นมาว่านี่คือสิ่งที่เราเลือกที่จะทำและฝันที่จะทำมานานแล้ว ป้ายต่างๆที่เป็นภาษาเยอรมัน เสียงของคนรอบตัวที่พูดคุยกันเป็นภาษาเยอรมัน ผู้คนมากหน้าหลายตาที่ขี่จักรยานสวนกันไปมา ตึกรามบ้านช่องสีสันสดใส เป็นระเบียบเรียบร้อย กลิ่นไอแดดอุ่นๆกับอากาศสดชื่นในวันที่ท้องฟ้าสดใส สิ่งเล็กๆต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่าทุกๆปัจจุบันขณะของเราเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ไม่ต้องกังวลถึงอดีตหรืออนาคตหรือต้องไขว่คว้าอะไรมาเพิ่มเติมอีกเป็นพิเศษเลย

หมดช่วงคำคมละ กลับมายังปัจจุบัน สำหรับปิดเทอมสั้นๆครั้งนี้เราก็ไม่ได้มีทริปอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้ก็กำลังเดินทางไปยัง Berlin (อีกแล้ว พอดีเจอตั๋วถูกจาก Postbus เที่ยวละ 5 ยูโรเลยจองเลย เป็นปฏิกิริยา reflex ไปแล้ว 555) แล้วก็จะไป Dresden ต่อเป็นครั้งที่สอง แล้วถ้าปัจจัยต่างๆอำนวยก็อยากจะไปเดินเขาที่ไหนซักที่ก่อนเปิดเทอม เราปล่อยห้องใน Karlsruhe ให้คนมาเช่าเป็นเวลา 10 วัน ได้ค่าเช่ามา 100 ยูโร กะเอามาใช้เที่ยวเต็มที่ 55 รักเมือง Karlsruhe ตรงที่หาคนเช่าห้องง่ายมากนี่แหละ 55 จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เราจองตั๋วเครื่องบิน Karlsruhe – Budapest, Budapest – Brussels ด้วยราคา 36 ยูโร ได้ด้วย ซึ่งราคาถูกขนาดนี้ไม่รู้จะหาได้อีกเมื่อไหร่ แต่ช่วงเวลาที่จองได้มันตรงกับสัปดาห์แรกที่เปิดเทอมพอดีเลยคงต้องจำใจทิ้งตั๋ว (ตอนแรกว่าจะโดดเรียนสัปดาห์แรก แต่เจอข้อสอบ Technische Mechanik เข้าไปแล้วกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดี 555) เดี๋ยวไว้มาดูกันว่าทริปปิดเทอมสั้นๆครั้งนี้สรุปแล้วจะหน้าตาออกมาเป็นยังไง แล้วเดี๋ยวไว้มาดูกันว่าภาคเรียนต่อไปที่กำลังจะมาถึงนั้น จะเพิ่มระดับความ anstrengend ขึ้นไปอีกขนาดไหน 555

***อัพเดตเพิ่มหลังจากเปิดเทอมมาแล้วสามอาทิตย์ (16 พ.ค. 59) ตอนนี้ anstrengend ขั้นสุด 55555 คะแนนสอบออกเกือบหมดแล้ว เหลือวิชาสุดท้ายวิชาเดียวแต่คิดว่าผ่านแหละ วิชา Techinische Mechanik ที่กลัวมากก็ผ่านมาหวุดหวิด 555 ส่วนวิชา Digitaltechnik ก็ได้เกรดดีแบบคาดไม่ถึงเลย ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวไว้มีเวลาแล้วจะกลับมาเล่าต่อ ตอนนี้ต้องขอตัวไปสะสางงานก่อนโนะ